เรื่องสั้น น้องกระปุกครีม

 


เดินทางเข้าป่าเพื่อไปหาคุณตาในวันหยุดสุดท้ายของเดือน น้องกระปุกครีมตัดสินใจลุยเข้าไปในป่าสำรวจสุดน่าสนใจ แต่กลับได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเลยที่จะเกิดขึ้น!


ระหว่างทาง เจอเสือร้ายเมายาบ้าที่กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ น้องกระปุกครีมแปลกใจมาก เพราะมักจะพบสัตว์เหล่านี้ในหนังสือเรียนหรือในภาพยนตร์เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่เคยคิดว่าจะเจอจริงกลางป่าแบบนี้!


"อ้าว! น้องกระปุกครีมมาไว้ทำไมในที่นี้?" เสือร้ายเมายาบ้าถามด้วยเสียงหวาดเสียว


"อ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตัวเองค่ะ" น้องกระปุกครีมตอบอย่างมั่นใจ


"อย่างมั่นใจเลยนะ เสียงที่ฉันได้ยินมันช่างเชื่อถือได้จริง ๆ" เสือร้ายเมายาบ้าพูดอย่างเสริมสร้าง


"ใช่ค่ะ! น้องกระปุกครีมมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และไม่ใช่เพื่อกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าค่ะ" น้องกระปุกครีมอธิบายอย่างรู้สึกผิดพลาด


"เข้าใจแล้วค่ะ! ที่นี่มันดีมาก เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ!" เสือร้ายเมายาบ้าเสนอด้วยความสดใส


ก็เสร็จสิ้นที่นี่แล้ว สองเพื่อนที่แปลกประหลาดนี้พร้อมกันเดินทางต่อไป ทั้งสองได้พบคุณตาและมีชีวิตจริงในป่าอันสงบสุข และอาจจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายที่รอให้พวกเขาสำรวจต่อไป!


น้องกระปุกครีมจริง ๆ ก็ไม่คาดหวังว่าจะมีประสบการณ์แปลก ๆ ในการเดินทางหาคุณตาในป่า แต่เวลาที่เจอกับเสือร้ายเมายาบ้ากลับกลายเป็นเรื่องตลกสุดฮาในที่สุด!


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การขายรถยนต์ให้กับเต้นท์รับซื้อรถยนต์ แบ่งออกเป็น 4 กรณี ดังนี้


 คิดจะขายรถยนต์ตัวเองสักคัน เรื่องสำหรับอย่างเอกสารซื้อขายรถมือสองต้องห้ามพลาด มีอะไรบ้างที่ต้องเตรียมไว้ให้ดี จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

การขายรถยนต์ให้กับเต้นท์รับซื้อรถยนต์ แบ่งออกเป็น 4 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1.รถจดเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและไม่ติดไฟแนนซ์

1.1 สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรจะขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาได้เลยตามตัวอย่างด้านล่างครับ ขออนุญาติปิดชื่อกับลายเซ็นของเจ้าของบัตรเอาไว้นะครับ หากเจ้าของรถมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และในสมุดคู่มือจดทะเบียนยังเป็นชื่อ-นามสกุลเดิมอยู่ ต้องใช้ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลแนบด้วย

1.2 แบบคำขอโอน 1 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงผู้โอน

1.3 หนังสือมอบอำนาจ 1 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงผู้มอบอำนาจ ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรจะเขียนจุดประสงค์ในการมอบอำนาจว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาให้เหมือนในสำเนาบัตรประชาชน ส่วนบรรทัดที่เหลือให้ขีดคร่อมไปทั้งหมด

1.4 สมุดคู่มือจดทะเบียนเจ้าของรถต้องเซ็นในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์ด้วยนะครับ

1.5 สัญญาซื้อขาย ต้องเป็นแบบที่มีฉบับสำเนาด้วย เพราะผู้ซื้อและผู้ขายต้องเก็บไว้คนละชุด และต้องมีสำเนาบัตรประชาชนผู้ซื้อ-ผู้ขายเซ็นสำเนาถูกต้องแนบสัญญาไว้ด้วย

กรณีที่ 2.รถจดเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและติดไฟแนนซ์

2.1 สำเนาบัตรประชาชน 3 ใบ ให้เซ็นเหมือนกับรถที่ไม่ติดไฟแนนซ์ หากเจ้าของรถมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และตอนที่ทำเรื่องขอสินเชื่อยังเป็นชื่อ-นามสกุลเดิมอยู่ ต้องใช้ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลแนบด้วย แล้วลายเซ็นที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องต้องเหมือนในคู่สัญญาที่ทำไว้กับไฟแนนซ์นะครับ จะเซ็นเป็นสองลายเซ็นก็ได้ครับ ทั้งเก่า ทั้งใหม่

2.2 สำเนาทะเบียนบ้าน 3 ใบ พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง

2.3 แบบคำขอโอน 2 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงผู้โอน 1 ใบ และผู้ขายเซ็นตรงผู้รับโอน 1 ใบ ผู้รับโอนต้องเซ็น 2 ที่นะครับ

2.4 หนังสือมอบอำนาจ 3 ใบ ให้เซ็นเหมือนกับรถที่ไม่ติดไฟแนนซ์

2.5 ส่วนสมุดคู่มือจดทะเบียนจะยังไม่มี เพราะยังอยู่ที่ไฟแนนซ์ เราต้องไปปิดไฟแนนซ์ก่อน แล้วไฟแนนซ์จะไปดำเนินการโอนให้กับเจ้าของรถ หลังจากได้เล่มมาแล้วเจ้าของรถค่อยเอามาเซ็นตรงผู้ถือกรรมสิทธิ์ แล้วค่อยเอาไปให้ผู้ซื้ออีกที แต่จะใช้เงินใครปิดนั้นต้องให้ผู้ซื้อ ผู้ขายตกลงกันเอง แต่ทั่วไปควรจะเป็นเงินผู้ซื้อนะครับ

2.6 สัญญาซื้อขาย ต้องเป็นแบบที่มีฉบับสำเนาด้วย เพราะผู้ซื้อและผู้ขายต้องเก็บไว้คนละชุด และต้องมีสำเนาบัตรประชาชนผู้ซื้อ-ผู้ขายเซ็นสำเนาถูกต้องแนบสัญญาไว้ด้วย อันนี้ย้ำเลยนะครับว่าห้ามลืม

กรณีที่ 3.รถจดเป็นชื่อนิติบุคคลและไม่ติดไฟแนนซ์

3.1 สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรจะขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาได้เลยครับ

3.2 แบบคำขอโอน 1 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้โอนพร้อมประทับตราบริษัท

3.3 หนังสือมอบอำนาจ 1 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้มอบอำนาจพร้อมประทับตราบริษัท ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรเขียนระบุวัตถุประสงค์ในการมอบอำนาจว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาให้เหมือนในสำเนาบัตรประชาชน ส่วนบรรทัดที่เหลือให้ขีดคร่อมไปทั้งหมด

3.4 สมุดคู่มือจดทะเบียน ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทต้องเซ็นในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมประทับตราบริษัทด้วยนะ ตามตัวอย่างด้านล่าง ขออนุญาติปิดชื่อกับตราประทับไว้นะครับ

3.5 สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัททุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องพร้อมประทับตราบริษัททุกหน้า

3.6 สัญญาซื้อขาย

กรณีที่ 4.รถจดเป็นชื่อนิติบุคคลและติดไฟแนนซ์

4.1 สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 3 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรจะขีดคร่อมพร้อมเซ็นกำกับว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาได้เลยครับ

4.2 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท 3 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง

4.3 แบบคำขอโอน 2 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้โอนพร้อมประทับตราบริษัท 1 ใบ และ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้รับโอน 2 ที่พร้อมประทับตราบริษัท (ต้องประทับทั้ง 2 จุดตรงที่เซ็นชื่อ) อีก 1 ใบ

4.4 หนังสือมอบอำนาจ 3 ใบ ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทเซ็นตรงผู้มอบอำนาจพร้อมประทับตราบริษัท ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ควรจะเขียนจุดประสงค์ในการมอบอำนาจว่า “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน.....เท่านั้น” ใส่เลขทะเบียนรถที่จะขายตรงจุดไข่ปลาให้เหมือนในสำเนาบัตรประชาชน ส่วนบรรทัดที่เหลือให้ขีดคร่อมไปทั้งหมด

4.5 ส่วนสมุดคู่มือจดทะเบียนจะยังไม่มี เพราะยังอยู่ที่ไฟแนนซ์ เราต้องไปปิดไฟแนนซ์ก่อน แล้วไฟแนนซ์จะไปดำเนินการโอนให้กับเจ้าของรถ หลังจากได้เล่มมาแล้วเจ้าของรถค่อยเอามาเซ็นตรงผู้ถือกรรมสิทธิ์พร้อมประทับตราบริษัท แล้วค่อยเอาไปให้ผู้ซื้ออีกที แต่จะใช้เงินใครปิดนั้นต้องให้ผู้ซื้อ ผู้ขายตกลงกันเอง แต่ทั่วไปควรจะเป็นเงินผู้ซื้อนะครับ

4.6 สำเนาหนังสือจดทะเบียนบริษัททุกหน้า พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องพร้อมประทับตราบริษัททุกหน้า

4.7 สัญญาซื้อขาย

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

โครงการบ้านเดี่ยวปากช่อง ทำเลทอง

 



โครงการบ้านเดี่ยวปากช่อง เขาใหญ่


พบความเรียบหรู ง่าย บ้านเดียวปากช่อง แต่ลงตัวในทุกรายละเอียด ด้วยความฉลาดในการออกแบบพื้นที่ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ด้วย Design Urbanist แบบใหม่ เชื่อมต่อทุกจังหวะของชีวิต พิเศษด้วย Master Bedroom ที่ถูกออกแบบมาในสไตส์ Luxury Penthouse ที่เชื่อมต่อทุก Function ทั้ง Walk-in Closet ห้องนอน และห้องน้ำ

คริสตัลกรีน เขาใหญ่ บ้านเดียวปากช่อง หมู่บ้านที่มีบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นบ้านแฝดสไตล์บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตัวบ้านถูกออกแบบให้เป็นบ้านสมัยใหม่สไตล์โมเดิร์น เหมาะกับเป็นบ้านในฝันของคนรักธรรมชาติ ได้บรรยากาศเขาใหญ่สดชื่นใกล้เมืองปากช่อง บ้านสามารถรับแสงแดดพร้อมชมวิวบรรยากาศนอกบ้านได้อย่างเต็มอิ่ม มีระเบียงรอบบ้านชั้น 2 ให้บรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่น โดนใจกับธรรมชาติซึ่งเป็นบ้านในฝันของใครหลายๆคน


บ้านเดียวปากช่อง ทำเลติดถนนใหญ่บายพาส มิตรภาพ บรรยากาศธรรมชาติและวิวเขา
อิ่มเอมกับบรรยากาศ ลมหนาว , สายหมอกยามเช้า และพรรณไม้เขียวขจี รวมไปถึงพื้นที่กว้างขวางเชื่อมโยงความสะดวกสบายในการเดินทาง ด้วยบ้านดีไซน์ที่ทันสมัย ตอบรับความสุขของครอบครัวได้อย่างลงตัว คริสตัลกรีน เขา

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การสกรีนหลอดครีม ด้วยเครื่อง Digital screen




การสกรีนหลอดครีม ด้วยเครื่อง Digital screen
เป็นการพิมพ์ที่ใช้เครื่องพิมพ์หรือพริ้นเตอร์ต่อพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถสั่งพิมพ์ได้โดยตรงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์หรือพริ้นเตอร์ที่ใช้คือ เครื่องพิมพ์ อิ้งค์เจ็ทขนาดเล็กและใหญ่ เครื่องพิมพ์เลเซอร์ความเร็วปกติจนถึงความเร็วสูง แต่สำหรับเครื่องพิมพ์ดิจิตอล หรือ Digital screen นั้น ใช้หมึกประจุไฟฟ้า

ในปัจจุบันการพัฒนาของเทคโนโลยีการพิมพ์ทำให้เกิดเครื่อง Digital Screen ขึ้นมา ซึ่งทำให้การสกรีนหลอดหรือการสกรีนบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางจะมีความแตกต่างจาก Offset Screen ขึ้นมา โดยมีความแตกต่างกัน คือ

1.คุณภาพของการสกรีนหลอดครีมด้วยเครื่องดิจิตอลสกรีน มีความคมชัดและความละเอียดที่เทียบเท่าการสกรีนหลอดครีมด้วยการสกรีนแบบ offset screen

2.งานสกรีนหลอดที่ออกมานั้น จะสกรีนติดแน่น ไม่หลุดลอกออกไปโดยง่าย งานสกรีนสามารถทนต่อการเสียดสี หรือการขูดโดยที่ไม่หลุดลอกโดยงาย

3.การสกรีนแพคเกจ สามารถ Screen packaging ได้โดยไม่จำกัดจำนวนสี เช่น หากเป็นการ Screen packaging แบบ Offset Screen จะสามารถสกรีนสีได้ครั้งละ 1 สี หากต้องการจะสกรีนจำนวนหลายๆ จะทำให้เกิดความล่าช้า แต่เครื่อง Digital Screen สามารถสกรีนหลอดได้หลายๆสีในครั้งเดียวได้ ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วกว่า ในกรณีที่สกรีนหลอดหลายสี

4.การสั่งสกรีนหลอดครีมแบบ สามารถสั่งการสกรีนได้จากเครื่องและไฟล์งานได้โดยตรง ทำให้ความคลาดเคลื่อนของสีลดลง

5.การแก้ไขงาน เนื่องจากการสกรีนหลอดแบบดิจิตอล ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเพรทในการสกรีน จึงทำให้สะดวกต่อการแก้ไขชิ้นงาน โดยสามารถแก้ไขงานได้ตลอดเวลา


รับสกรีนหลอดครีม
https://krapook.net/printing

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

วิธีกำจัดปลวกจอมแทะในบ้านให้สิ้นซาก

วิธีกำจัดปลวกคลองสามที่แอบซ่อนอยู่ในบ้านให้ตายยกรังไม่ใช่เรื่องยาก และวิธีกำจัดปลวกก็ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดปลวกเสมอไป เพราะการกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ
ปลวกแต่ละชนิดต่างมีกลวิธีและรูปแบบในการสร้างรังไม่เหมือน แต่ไม่ว่าจะมีขนาดมหึมาราวหอคอยหรือเล็กเพียงแค่เนินดิน

วิธีกำจัดปลวกที่แอบซ่อนอยู่ในบ้านให้ตายยกรังไม่ใช่เรื่องยาก และวิธีกำจัดปลวกก็ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทกำจัดปลวกเสมอไป เพราะการกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ


1. เช็กสภาพไม้ก่อน
          หากสังเกตเห็นว่าไม้เป็นรูคล้ายโดนปลวกแทะ หรือเห็นซากไม้เป็นผงเกลื่อนพื้นตรงบริเวณที่ไม้เป็นจุด นั่นอาจจะแปลได้ว่า ตอนนี้รังปลวกได้บุกมาแทะไม้บ้านคุณแล้วจริง ๆ ทว่าถึงอย่างนั้นเราก็ต้องเช็กว่าเป็นปลวกตัวจริงเสียงจริงแน่หรือเปล่า โดยการเคาะดูก่อนก็ได้ หากได้ยินเสียงก้องหรือรู้สึกถึงความโหรงเหรงภายใต้พื้นไม้ อาจจะฟันธงไปได้เลยว่าเจอปลวกแน่แล้ว ทว่าหากยังไม่แน่ใจสามารถใช้สว่านเจาะเข้าไปตรงบริเวณที่เป็นรูก็ได้ หากเศษไม้หลุดออกมาเป็นแผ่นอย่างง่ายดายก็แปลว่าใช่เลย เตรียมกำจัดปลวกได้แล้วจ้า

2. รู้จักชนิดของปลวก
          เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลวกในบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือ ปลวกใต้ดินกับปลวกไม้แห้ง โดยปลวกทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีลักษณะการทำลายไม้่ที่ต่างกัน หากเป็นปลวกใต้ดินจะแทะไม้จากด้านในออกมาด้านนอก สร้างความเสียหายกับไม้เกือบทั้งหมด ส่วนปลวกไม้แห้งจะแทะกินเฉพาะเนื้อไม้ด้านใน โดยเว้นเนื้อไม้ด้านนอกไว้บาง ๆ ทำให้เหมือนไม้ไม่ได้ถูกทำลายไปสักนิดเดียว ดังนั้นแม้จะเห็นสภาพไม้ภายนอกดูไม่เป็นร่องเป็นรูก็อย่าไปไว้ใจเชียว

3. สร้างกับดักล่อปลวก
          ขั้นแรกให้หาไม้กระดานแผ่นเรียบขนาดใหญ่พอประมาณ พรมน้ำให้ชื้น ๆ แล้วไปติดไว้ใกล้จุดที่ปลวกแอบซุ่มอยู่ ทิ้งไว้สักพัก (หรืออาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย) เหยื่ออันโอชะที่เราติดไว้จะถูกปลวกรุมแทะอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นให้คุณรีบนำแผ่นไม้ไปเผาทิ้งทันที วิธีกำจัดปลวกอย่างนี้จะช่วยลดจำนวนปลวกในบ้านไปได้เยอะพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการกำจัดปลวกอย่างสิ้นซากนะคะ


4. เลี้ยงไส้เดือนฝอย
          ไส้เดือนฝอยจะช่วยกำจัดปลวกใต้ดินให้เราได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นคุณควรหาซื้อไส้ดินฝอยมาเลี้ยงไว้ในสวนบ้าง เพื่อให้ไส้เดือนฝอยช่วยจับปลวกมาเป็นอาหาร ลดประชากรปลวกในบ้านไปได้เยอะเลยทีเดียว

5. กําจัดปลวกด้วยวิธีธรรมชาติ
          หากต้องการกําจัดปลวกด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี ก็สามารถทำได้โดย...

          - กำจัดปลวกด้วยสมุนไพร
          ขั้นแรกให้นำข่า ตะไคร้ และกระเทียมในปริมาณเท่า ๆ กัน (รวมแล้วประมาณ 2 กิโลกรัม) มาสับให้ละเอียด จากนั้นก็ผสมเหล้าขาว 1 ขวด น้ำส้มสายชู 1 ขวด และน้ำเปล่า 20 ลิตร ลงไป ปิดฝาให้สนิท แล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์ เท่านี้ก็จะได้น้ำยากำจัดปลวกแบบธรรมชาติง่าย ๆ แล้วค่ะ  

          - กำจัดปลวกด้วยใบขี้เหล็ก
          ต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพการกำจัดปลวกของใบขี้เหล็กนั้นดีเยี่ยม เพียงแค่นำใบขี้เหล็กประมาณ 5 กรัม มาบด ตำ หรือปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็ใส่น้ำลงไปประมาณ 20 มิลลิลิตร เสร็จแล้วก็กรองเอาน้ำใส่ในขวดสเปรย์ เสร็จแล้วนำไปฉีดตามบริเวณที่ปลวกอยู่ โดยทำซ้ำประมาณ 3-5 วัน 

          - น้ำส้มสายชูกำจัดปลวก
          เรียกได้ว่าน้ำส้มสายชูเป็นของใช้ในบ้านที่มีประโยชน์มากจริง ๆ เพราะนอกจากจะช่วยปรุงอาหารหรือทำความสะอาดได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการกำจัดปลวกได้ด้วย โดยให้เทน้ำส้มสายชูลงไปในถ้วยตวงประมาณครึ่งถ้วย แล้วบีบมะนาวตามประมาณ 2 ซีก จากนั้นก็หยดน้ำมันหอมระเหยส้มลงไปอีกสักนิดหน่อย โดยให้ระมัดระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหยส้มมาก ๆ เพราะสามารถระคายเคืองต่อผิวได้ พอเสร็จแล้วก็เทใส่ขวดสเปรย์ พร้อมใช้กำจัดปลวกได้เลย

          - ใช้เกลือกำจัดปลวก
          อีกหนึ่งวิธีการกำจัดปลวกแบบธรรมชาติ แถมง่ายสุด ๆ ก็คือการผสมน้ำอุ่นกับเกลือเข้าด้วยกันในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นก็คนจนเกลือละลายเข้ากับน้ำ เทใส่ในขวดสเปรย์ จากนั้นก็ทำไปฉีดพ่นบริเวณที่มีปลวกอยู่ เมื่อปลวกกินน้ำเกลือเข้าไป ก็จะเกิดภาวะขาดน้ำและค่อย ๆ ตายในที่สุด 
6. กำจัดปลวกด้วยแดดแรง
          ปลวกเก่งเฉพาะในที่มืดเท่านั้นล่ะค่ะ พอเจอแดดแรง ๆ เข้าหน่อยก็สิ้นชีพกันแล้ว ดังนั้นหากเฟอร์นิเจอร์ของคุณโดนปลวกบุกรุกจนเกือบแย่ ให้รีบนำเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นนั้นมาตากแดดจัด ๆ ประมาณ 2-3 วัน เพื่อกำจัดปลวกให้หมดไป

7. เปิดฮีทเตอร์กำจัดปลวก
          ฮีทเตอร์อาจเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็นกับบ้านเราเลย แต่กลับมีประโยชน์กับการกำจัดปลวกสุด ๆ เพราะปลวกเองก็กลัวความร้อนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นในจุดที่ไม่สามารถยกไปตากแแดดได้ก็จัดการเปิดฮีทเตอร์เผาปลวกซะเลย


8. ลดความชื้นในบ้าน
          เมื่อไม้เจอกับความชื้นก็เข้าทางปลวกอย่างจัง ไม่เชื่อลองสังเกตตรงบริเวณที่มักมีปัญหาปลวกดูก็ได้ค่ะว่า ส่วนนั้นมีความชื้นค่อนข้างสูงด้วยกันทั้งนั้น อย่างนี้ก็แสดงว่าหากเราสามารถลลดความชื้นภายในบ้านได้ ก็เท่ากับช่วยป้องกันบ้านจากปลวกได้อีกทาง โดยการลดความชื้นที่ว่านี้อาจจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หมั่นเปิดหน้าต่างระบายอากาศ เปิดม่านให้แสงแดดส่องถึง และติดตั้งเครื่องดูดความชื้นในกรณีที่บ้านคุณมีความชื้นค่อนข้างสูง หรืออยู่ในจุดที่ค่อนข้างอับ

9. ฉีดยาฆ่าปลวก
          หากปลวกเพิ่งจะมาทำรังในบ้านคุณในวงแคบ ๆ อาจกำจัดไปได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ยาฉีดปลวกที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปกำจัดปลวกซะ ทั้งนี้ก่อนฉีกควรเปิดหน้าต่างให้โล่ง จัดพื้นที่ให้มีอากาศถ่ายเท และสวมหน้ากากและถุงมือเพื่อความปลอดภัยด้วยทุกครั้ง


10. อุดรูปลวก
          ตามผนังกำแพงหรือจุดไหนในบ้านที่เป็นรอยแยก เกิดความชำรุดเสียหายให้รีบซ่อมแซมโดยด่วน โดยอาจจะฉาบปูนเข้าไปใหม่หรือยาแนวให้แน่นหนา เพราะไม่เพียงแต่ร่องรอยแยกเหล่านี้จะเป็นช่องทางของปลวกเท่านั้น แต่มด แมลงสาบ และแมลงชนิดอื่น ๆ อาจใช่ช่องทางเดียวกันนี้เข้ามาบุกรุกบ้านคุณก็ได้
11. พึ่งบริษัทกำจัดปลวกคลองสาม
          ในกรณีที่รู้ตัวอีกทีก็เจอปัญหาปลวกลามไปเกือบทั้งบ้านแล้ว การกำจัดปลวกอาจเกินกำลังเราไปนิด ดังนั้นควรยกหน้าที่นี้ให้กับบริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพ ซึ่งเขาจะมีวิธีและอุปกรณ์ในการซอกซอนไปกำจัดปลวกถึงรังให้สิ้นซากได้ดีกว่าเรา
บ. คลองหลวง เพสท์ คอนโทรล เซอร์วิสจำกัด
เลขที่ 33/84 ม.2 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120
Phone: 092 456 0453 หรือ 086 534 8057
Email: kpcantibug@gmail.com
Website: https://www.KPCantibug.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ระวังไว้ก่อนปลวกบุกบ้าน

+ สาเหตุที่ทำให้ปลวกบุกบ้าน
          อันดับแรกเราต้องมาทำความรู้จักกับ ’ปลวก’ ให้ดีเสียก่อน คนทั่วไปอาจเข้าใจว่าปลวกนั้นชอบกินเนื้อไม้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปลวกไม่ได้พิสมัยเนื้อไม้สวยๆ นี้เลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่มันชอบคือเซลลูโลส (Cellulose) ในเนื้อไม้ต่างหากที่เป็นอาหารอันโอชะของมัน
          ดังนั้นไม่เพียงแต่ไม้ที่จะต้องผุพังกลายเป็นกากอาหารของปลวกแล้ว แต่ยังรวมไปถึงอะไรก็ตามที่มีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ ผ้า หนังสัตว์ พรม หนังสือ และสิ่งของอีกมากมายหลายชนิดที่สามารถหาพบได้ในบ้านทั่วไป


+ เปิดตัวปลวก มารร้ายตัวจิ๋ว
          ปลวกที่จัดว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับบ้านเรือนของเราก็คือ ปลวกใต้ดิน (Sub-Terranean Termites) พวกนี้ถือเป็นศัตรูโครงสร้าง (Structural Pests) ที่ทำความเสียหายสูงสุดถึง 95% ของความเสียหายทั้งหมด โดยอาณาจักรของปลวกพวกนี้อยู่ใต้ดิน และอาศัยร่วมกันตามแบบฉบับของสัตว์ที่เรียกว่าแมลงสังคม ในรังปลวกใต้ดินจะเต็มไปด้วยประชากรปลวกนับล้านๆตัว
          โดยแบ่งแยกหน้าที่กันตามประเภทของมัน คือ ปลวกนางพญาและราชา ทำหน้าที่วางไข่เพิ่มประชากร ปลวกทหาร ทำหน้าที่ป้องกันรังและต่อสู้ศัตรูผู้บุกรุก ปลวกงาน ทำหน้าที่หาอาหาร สร้าง ซ่อม ขยายรังและทางเดิน และปลวกขยายพันธุ์ ทำหน้าที่ขยายพันธุ์ ซึ่งเราเห็นปลวกชนิดนี้อยู่บ่อยครั้งในรูปของแมลงเม่า และอาจกล่าวได้ว่าวงจรชีวิตของปลวกใต้ดินนั้น เริ่มต้นมาจากแมลงเม่านี่เอง


+ เตรียมรับมือกับพวกปลวก
          วิธีป้องกันปลวกที่ดีก็คือการป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ โดยกำจัดแหล่งสร้างรังของมัน ทำลายทางขึ้นลง หรือเส้นทางลำเลียงพล พร้อมกับการสร้างแนวป้องกันสำหรับการบุกรุกใหม่ในอนาคต ซึ่งวิธีป้องกันปลวกง่ายๆ มีดังนี้

     1. ก่อนอื่นต้องรู้จักพฤติกรรมของปลวก ปลวกจะชอบอยู่ในพื้นที่ชื้นและมืดทึบ ดังนั้น เราจึงควรหมั่นตรวจสอบบ้าน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความชื้นและมืดทึบเป็นพิเศษ เช่น ห้องใต้ดิน พื้นที่ใต้บันได ฝ้าเพดาน ตามขอบบัวพื้น ผนัง ช่องผนัง ที่ฝังท่อระบายน้ำ และผนังไม้ที่กรุสองชั้น อย่างสม่ำเสมอ
     2. ควรเก็บเศษวัสดุก่อสร้าง เช่น เศษไม้ เศษสิ่งปฏิกูลต่างๆ ทิ้งหรือทำลายให้หมดในขณะที่ทำการป้องกันปลวก และหลังการก่อสร้าง
     3. ก่อนก่อสร้าง ให้อัดเคมีลงดินรอบแนวคานด้านใน-นอก และฉีดเคลือบผิวดินในทุกๆ ตารางนิ้ว รวมทั้งโดยรอบของตัวอาคาร 1เมตรและบริเวณที่มีความชื้นสูง
     4. หากตรวจพบกองดินหรือทางเดินของปลวกให้พยายามค้นหาให้ถึงจุดที่ปลวกขึ้นมา แล้วทำลายทิ้งโดยใช้สเปรย์กำจัดปลวกฉีดทิ้งไว้สัก 1-2 วัน แล้วจึงตรวจสอบดูอีกครั้ง หากยังมีอยู่ให้ขุดดินลงไปแล้วฉีดยาซ้ำ
     5. ผสมน้ำยากันปลวกลงในซีเมนต์ก่อนเทพื้นบ้าน

     6. ราดน้ำยาผ่านระบบท่อใต้อาคาร (วิธีนี้ควรทำตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง) ระบบท่อจะเดินตามคานและเจาะรูที่ท่อเป็นระยะๆ แต่ท่อจะไม่สัมผัสกับดินเนื่องจากจะทำให้ท่ออุดตัน ซึ่งระบบนี้จะสะดวกสบายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเข้าไปในตัวบ้าน ไม่ต้องทุบพื้นหรือเจาะรูเพื่ออัดน้ำยาให้ตัวบ้านหลังจากอัดน้ำยาในครั้งแรกหมดอายุ
     7. การเลือกไม้ในการปลูกสร้างบ้าน ควรเลือกไม้ที่มีความทนทานต่อการทำลายของปลวก อย่างไม้สัก ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ แต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกใช้ไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ยาง หรือไม้สน ควรอาบน้ำยาป้องกันเสียก่อน
     8. ฉีดเคมีเคลือบโครงไม้ โดยให้ซึมเข้าไปยังเนื้อไม้และเน้นตามรอยเลื่อนรอยต่อ ทั้งนี้เป็นการป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของปลวก มอด ด้วง รวมถึงเชื้อราต่างๆ
     9. ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ใกล้บ้าน เพราะรากจะเป็นช่องทางให้ปลวกเข้าสู่ตัวบ้านได้ นอกจากนี้ควรหมั่นดูแลต้นไม้ต่างๆ ที่อยู่บริเวณบ้าน หากพบว่ามีต้นไม้ตายไป ควรกำจัดทิ้ง
     10. พยายามป้องกันไม่ให้แมลงเม่าบินเข้ามาในบ้าน เพราะแมลงเม่าก็คือปลวกเจริญพันธุ์นั่นเอง เมื่อเข้ามามันจะหาที่สร้างรังและวางไข่ซึ่งกลายเป็นปลวกได้ในอนาคต ช่วงเวลาที่ควรจะระมัดระวังแมลงเม่าเป็นพิเศษคือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน และระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม ถ้าพบว่ามีแมลงเม่าหลุดเข้ามาในบ้าน ควรพ่นละอองน้ำใส่มันแล้วกวาดรวมกัน ฉีดด้วยยาฆ่าแมลง ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม

เมื่อรู้ที่มาที่ไปและวิธีกำจัดป้องกันแล้ว ปลวก ก็ไม่ใช้สิ่งหน้ากลัวอีกต่อไปเมื่อ‘ปลวก’ ขึ้นบ้าน

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

สูตรน้ำยากำจัดมด วิธีไล่มดได้อยู่หมัด

   บ้านไหนที่มักจะมีมดเดินเรียงแถวกันสวยงาม กำจัดกี่ครั้งก็กลับมาเดินขบวนกันใหม่อยู่เรื่อย ๆ คงสร้างความเอือมระอาให้เจ้าของบ้านน่าดูนะคะ แค่เผลอวางอาหารทิ้งไว้เดี๋ยวเดียวก็จะเห็นมดตัวน้อยตัวนิดมารุมตอมอาหารของเรากันแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้เห็นทีจะไม่ไหว ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดการทำน้ำยากำจัดมดกันดีกว่า แต่ละสูตรก็เป็นสูตรน้ำยากำจัดมดที่ไม่ร้ายแรงต่อมนุษย์อย่างเรา ๆ เท่าไร แต่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะจัดการกับสัตว์โลกตัวจิ๋วอย่างมดได้อยู่หมัดเชียวล่ะ ลองไปดูกันค่ะ

 1. น้ำส้มสายชูไล่มด

          ที่เราเห็นว่าน้องมดเดินเรียงกันเป็นสายตรงแหน่ว ก็เพราะว่ามดแต่ละตัวจะทิ้งหลักฐานเป็นกลิ่นเอาไว้ตามทาง เพื่อให้เพื่อนฝูงของมันเดิมตามกลิ่นนั้นมาจนเจอเข้ากับอาหาร ซึ่งลายแทงของมดที่อยู่ตามพื้นเราอาจจะมองเห็นหรือไม่เห็นก็ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ควรกำจัดมดด้วยการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวด้วยสูตรน้ำยาที่กลิ่นแรง เพื่อให้กลบกลิ่นของมดที่ทำทิ้งไว้ สูตรน้ำยาก็ง่าย ๆ มีให้เลือกใช้ตามนี้เลยจ้า

       น้ำส้มสายชู

       น้ำส้มสายชู ผสมกับน้ำสะอาด ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน

       แอปเปิลไซเดอร์ ผสมกับน้ำสะอาด ในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน

       น้ำมันสกัดบริสุทธิ์จากเปปเปอร์มินต์, ยูคาลิปตัส, ลาเวนเดอร์ หรือ ทีทรีออยล์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ผสมกับน้ำสะอาด 1 ขวดสเปรย์

       น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำสะอาด 1 ขวดสเปรย์

          ใครสะดวกจะใช้สูตรไหนก็เลือกกันตามสบายเลย แล้วก็หมั่นใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่ชอบมีมดมาเดินขบวนบ่อย ๆ ด้วยนะจ๊ะ

 2. กับดักบอแร็กซ์

          มดมีนิสัยชอบขนอาหารไปเก็บไว้ในรังของมัน ซึ่งเราก็จะฉวยโอกาสนี้ล่ะ ทำกับดักล่อให้มดขนอาหารพิษเข้าไปในรัง คราวนี้มดที่หลบอยู่ในรังอีกหลายร้อยตัว ก็จะถึงกาลอวสาน จนไม่สามารถมาก่อกวนอาหารและขนมในบ้านเราได้อีกต่อไป สูตรอาหารล่อมดก็มีหลายสูตรให้เลือก

       ผสมบอแร็กซ์ 2 ช้อนโต๊ะกับแยม, น้ำผึ้ง หรือน้ำหวานชนิดอื่น ๆ จากนั้นก็นำไปป้ายบนกระดาษ วางกระดาษทิ้งไว้ในกล่องที่มีรูพอให้มดเดินผ่าน นำกล่องไปตั้งไว้ในจุดที่มดชุม

       ผสมน้ำหวาน 2 ถ้วยตวง น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง และบอแร็กซ์ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่แก้วแล้วนำไปวางตามจุดต่าง ๆ รอบบ้าน

       ถ้ามีไขน้ำมันเบคอน หรือเนยถั่ว อาจจะนำบอแร็กซ์ 2 ช้อนโต๊ะมาผสม แล้วก็ปั้นเป็นก้อนใส่กระดาษหรือจาน แล้วนำไปวางตามจุดต่าง ๆ ก็ได้เช่นกันจ้า

          ทั้งนี้ควรจะเก็บเหยื่อล่อไว้ในภาชนะที่เด็กและสัตว์เลี้ยงไม่สามารถหยิบเหยื่อล่อมาทานได้ง่าย ๆ ด้วยนะคะ นอกจากนี้ก็ควรเปลี่ยนเหยื่อล่อทุกวัน แต่ถ้าคุณวางกับดักมดเอาไว้ที่ไหน ก็พยายามอย่าเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวที่มีมดเดินเป็นทางด้วยสูตรป้องกันมดบ่อยนัก เพราะมดอาจจะเปลี่ยนเส้นทางการหาอาหารไปที่อื่น จนคุณต้องวางกับดักไปทั่วบ้านเลยก็ได้นะ

 3. ยุทธการทำลายรัง

          ถ้าคุณรู้ต้นตอของรังมดว่าอยู่ตรงไหน ก็สามารถกำจัดมดแบบถอนรากถอนโคนได้เลย ด้วยการเทน้ำยาสูตรทำลายรังมดต่อไปนี้ลงไปในรังของมัน แต่ก่อนจะลงมือก็ควรจะสวมถุงมือยาง และสวมรองเท้ายางด้วย เพื่อป้องกันมดกัด เมื่อรังมดถูกบุกรุกด้วยน้ำยาที่เราหยอดลงไป

       น้ำต้มสุกประมาณ 1 แกลลอน เติมน้ำยาล้างจานลงไป ¼ ถ้วยตวง คนให้เข้ากัน แล้วเทลงไปในรังมดอย่างช้า ๆ ให้น้ำยาค่อย ๆ ซึมซาบลงดินได้อย่างล้ำลึก จะได้แน่ใจว่าต้นตอของมดถูกทำลายไปแล้วจริง ๆ

       ต้มน้ำให้เดือด ผสมเกลือลงไปในปริมาณมาก จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น แล้วค่อยนำไปราดที่รังมด ผ่านไป 3 วัน ก็นำน้ำเกลือมาราดรังมดอีกครั้ง อย่าลืมราดพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เพื่อป้องกันมดสร้างรังใหม่ด้วย

       ฉีดน้ำจากสายยางไปที่รังมดแรง ๆ ทำติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ มดจะทนไม่ไหวและย้ายรังหนีเอง

          เมื่อทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว หลังจากนั้น 2-3 วัน ให้คุณต้มน้ำเดือด แล้วนำไปราดที่รังมดซ้ำอีกที เพื่อให้มดตัวน้อยตัวนิดสิ้นฤทธิ์ และถ้าคุณสังเกตเห็นกองดินเล็ก ๆ ในบ้าน ก็ควรกวาดหรือดูดฝุ่นให้หมด เพราะนั่นอาจจะเป็นรังมดที่กำลังเริ่มก่อสร้างก็ได้ เสร็จแล้วก็นำเศษดินที่กวาดมาใส่ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้แน่น ก่อนจะนำไปทิ้งถังขยะด้วยนะคะ

 4. โรยผงป้องกันตามรอยแยก

          ถ้าแน่ใจว่าบ้านของคุณสะอาดหมดจดทุกพื้นที่ ไม่มีเศษขนมหรือขยะที่เป็นตัวล่อมดแน่ ๆ แต่ก็ยังไม่วายมีมดมาก่อกวนในบ้านอีก คราวนี้ให้คุณสังเกตกำแพงหรือพื้นบ้านให้ดี ตรงไหนที่มีรอยแยก หรือมีรู ตรงนั้นแหละที่มีความชื้น และอาจจะเป็นแหล่งที่อยู่ของมดตัวน้อยตัวนิดอีกเป็นรัง ซึ่งเมื่อเจอเข้ากับแหล่งซ่อนตัวของมด ก็ต้องรีบหาทางป้องกันมดเอาไว้ก่อน โดยอาจจะโรยผงชินนาม่อน, พริกไทยดำป่น, กานพลูบด, พริกป่น, เกลือ, กากกาแฟบด, ใบเสจบด, เปลือกแตงกวาบด หรือน้ำมันสกัดจากดอกลาเวนเดอร์, เปปเปอร์มินต์, ยูคาลิปตัส อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปตามรอยแยกหรือรูที่เห็น เสร็จแล้วก็อย่าลืมป้ายขี้ผึ้งปิดรูและรอยแยกเหล่านั้นด้วยล่ะ มดจะได้เดินออกมาจากรูไม่ได้

          นอกจากนี้ก็อย่าลืมระวังชามอาหารของสัตว์เลี้ยงด้วย ควรจะหาถาดรองน้ำมาวางกันมด อาจจะผสมน้ำยาล้างจานลงไปในถาดรองน้ำด้วยก็ดี จะได้ช่วยป้องกันมดเดินไปไต่ชามอาหารน้องหมาน้องแมวได้อีกชั้น ส่วนกระถางต้นไม้ต้นไหนที่มีมดแอบซ่อนอยู่ในดิน ให้เปลี่ยนดินปลูกต้นไม้ใหม่ โดยก่อนจะนำดินใหม่มาใส่ก็ต้องล้างรากต้นไม้ให้แน่ใจว่าไม่มีมดหลงเหลืออยู่ กระถางต้นไม้ก็ควรจะนำไปแช่น้ำอุ่นสัก 15 นาที เพื่อชำระล้างสารล่อมดด้วยนะจ๊ะ

 5. ป้องกันบริเวณนอกบ้าน

          บางครั้งรังมดในบ้านก็อาจจะไม่มีก็ได้ แต่มดพากันเดินขบวนเข้ามาในบ้านผ่านรอยแยกตรงช่องประตู และเดินมาตามกิ่งไม้ที่ยาวมาชนกับหลังคา หรือขอบหน้าต่างนั่นเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ควรตัดแต่งกิ่งไม้ให้สั้นพอที่จะไม่มาชนกับตัวบ้าน ส่วนบริเวณรอยแยกตรงประตู และบริเวณรอบ ๆ บ้าน ให้ใช้สเปรย์น้ำส้มสายชู หรือน้ำผสมกับน้ำยาล้างจาน ฉีดให้ทั่วบริเวณ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรปลูกต้นมินต์, ต้นเสจ และต้นลาเวนเดอร์ไว้รอบ ๆ ตัวบ้านด้วย แต่ถ้าสังเกตเห็นมดเดินป้วนเปี้ยนตรงจุดไหนมากเป็นพิเศษ จะผสมใบกานพลูบดละเอียด หรือพริกไทยดำป่น 3 ช้อนโต๊ะ กับแป้ง 1 ถ้วยตวง แล้วนำมาโรยตรงบริเวณที่มดเดินอยู่ก็ได้ ส่วนตามพื้นดินใต้โต๊ะหินอ่อน หรือม้านั่ง ที่มักจะมีมดแดงคันไฟเดินเพ่นพ่านอยู่บ่อย ๆ ก็ควรนำส่วนผสมนี้ไปโรยป้องกันไว้ด้วย บางคนอาจจะใช้วิธีโรยแป้งเด็ก หรือขีดชอล์กกันมด ซึ่งก็เป็นวิธีที่ป้องกันมดได้เหมือนกันจ้า

          ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมทำความสะอาดบ้านให้ดี เศษขนม เศษอาหาร และจานที่ยังไม่ได้ล้างก็จัดการให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันมดมาอาละวาดในบ้านเราจนต้องวุ่นวาย ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าการกำจัดมดด้วยสารเคมีที่มีขายทั่วไปก็ทั้งสะดวกและง่าย แต่อย่าลืมว่าสารพิษเหล่านี้ไม่ได้มีโทษกับมดแค่ฝ่ายเดียว กับตัวเราเองและสิ่งแวดล้อมเจ้าสารเคมีทั้งหลายก็ไม่เว้นเหมือนกันนะคะ ฉะนั้นถ้ามีวิธีกำจัดมดที่ปลอดภัยกว่าก็น่าจะดี แถมแต่ละวิธีก็ไม่ได้ยุ่งยากจนเกินไปอีกด้วยเนอะ แต่ยังไงก็ลองทำตามวิธีกำจัดมดที่เราแนะนำมากันดูก่อน ได้ผลดีไม่ดียังไก็มาบอกต่อกันด้วยล่ะ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS