เด็กเล็กระวัง "ไวรัสอาร์เอสวี"
21:18 |
เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV : Respiratory Syncytial Virus) คือไวรัสลงปอดตัวสำคัญ มักระบาดในช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้เด็กมีอาการไข้สูง ไอมีน้ำมูก มีอาการหอบจากปอดบวม เป็นนานประมาณ 1 อาทิตย์ โดยพบมากในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน
เมื่อต้นปี 2553 นิตยสารแลนเซต ประเทศอังกฤษ รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสตัวนี้ว่า ทำให้เด็กเป็นปอดบวม หรือปอดอักเสบ เสียชีวิตปีละ 2 แสนราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 99 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว 33.8 ล้านคน ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 3.4 ล้านคน
สำหรับประเทศไทย เฉพาะปี 2552 มีเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี ราว 1 ใน 4 ติดไวรัสชนิดนี้ รวมกว่า 1 หมื่นราย
กรมควบคุมโรคระบุว่า ไวรัสอาร์เอสวีนอกจากทำให้เกิดโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ และโรคระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงในกลุ่มทารกที่คลอดก่อนกำหนดอีกด้วย
ช่วงเวลาที่ระบาด
ช่วงปลายฝนต้นหนาวที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ประมาณเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายนของทุกปี
อาการของโรค
เริ่มจากเด็กเป็นไข้หวัดธรรมดาก่อน อาจมีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก ต่อมาไข้สูงขึ้น หายใจลำบาก เด็กซึมลง ไม่กินน้ำ ไม่กินนม มีไข้สูง ไอ หายใจหอบเร็ว และมีเสียงหวีด หรือฮื๊ด ซึ่งเป็นสัญญาณของอาการปอดบวม ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตได้
การป้องกัน
โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม เนื่องจากจะติดต่อกันง่าย เพราะเด็กวัยนี้ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อมีเด็กป่วย 1 คน อาจลุกลามได้ทั้งศูนย์เด็กเล็ก
มาตรการสำคัญในการป้องกัน คือการล้างมือให้เด็กเล็กบ่อยๆ และพี่เลี้ยงเด็กต้องล้างมือบ่อยๆ เช่นกัน เมื่อมีเด็กป่วย หากเป็นไปได้ให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน หากไม่สามารถรับกลับบ้านได้ ให้แยกเด็ก และแยกเครื่องใช้ของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
หลีกเลี่ยงพาเด็กไปในสถานที่แออัด ไม่พาเด็กไปใกล้คนป่วย หรือผู้ที่กำลังเป็นหวัด เด็กที่เลี้ยงในห้องแอร์ หรืออยู่ในที่มีอากาศเย็น เช่น ในฤดูฝน หรือฤดูหนาว ขอให้ดูแลความอบอุ่น ใส่เสื้อผ้าหนาๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
Read User's Comments0
กฎหมายสิทธิเด็ก
21:16 |
วันนี้ Good Mamee มีเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายสิทธิเด็กมาฝากคุณแม่ค่ะ
กฎหมายสิทธิเด็ก มีที่มาจากอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่ได้กำหนดสิทธิพื้นฐานของเด็กไว้ 4 ประการ คือ
1.สิทธิที่จะมีชีวิตรอด เป็นสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกาย จิตใจ ตลอดจนที่อยู่อาศัยให้เกิดความปลอดภัย และต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพจากบริการทางการแพทย์
2.สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา เด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิรับการศึกษาที่ดี ได้รับโภชนาการที่เหมาะสม
3.สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง เป็นสิทธิที่เด็กทุกคนจะได้รับความคุ้มครองให้รอดพ้นจากการทารุณทุกรูปแบบ เช่น การทำร้าย การนำไปขาย ใช้แรงงานเด็ก หรือแสวงหาประโยชน์มิชอบจากเด็ก
4.สิทธิที่ในการมีส่วนร่วม มีสิทธิที่จะแสดงออกและแสดงความคิดเห็นต่อสังคมในเรื่องที่มีผลกระทบกับเด็ก กฎหมายสิทธิเด็กดังกล่าวปัจจุบันหลายประเทศได้ยอมรับและนำมาอนุวัติบัญญัติเป็นกฎหมายภายในของแต่ละประเทศสมาชิกเป็นจำนวนมาก และประเทศไทยก็รับหลักการดังกล่าวมาบัญญัติเป็นกฎหมายภายในชื่อว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ในการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพและป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กไว้หลายประการ ครอบคลุมสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กข้างต้น โดยสรุปประเด็นสำคัญดังนี้
1.คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก กฎหมายกำหนดให้มีคณะกรรมการทำหน้าที่ดำเนินการและให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กเพื่อดำเนินการให้การคุ้มครองสิทธิเด็กเกิดเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
2.การปกป้องคุ้มครองเด็ก กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของผู้ปกครองและบุคคลผู้เกี่ยวข้องให้ต้องปฏิบัติต่อเด็กที่เหมาะสมไว้อย่างชัดเจน และผู้ฝ่าฝืนย่อมมีโทษทั้งทางปกครองและทางอาญา เช่น ผู้ปกครอง กฎหมายกำหนดหน้าที่ต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตน ตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น และต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
ผู้ปกครองต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้
(1) ทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานพยาบาล หรือไว้กับบุคคลที่รับจ้างเลี้ยงเด็ก หรือที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด โดยเจตนาที่จะไม่รับเด็กกลับคืน
(2) ละทิ้งเด็กไว้ ณ สถานที่ใดๆ โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพ หรือให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม
(3) จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต หรือสุขภาพอนามัยจนน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
(4) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก
(5) ปฏิบัติต่อเด็กในลักษณะที่เป็นการเลี้ยงดูโดยมิชอบ
บุคคลทั่วไป กฎหมายบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม คือ
(1) กระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
(2) จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งจำเป็นแก่การดำรงชีวิต หรือการรักษาพยาบาลแก่เด็กที่อยู่ในความดูแลของตน จนน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
(3) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด
(4) โฆษณาทางสื่อมวลชนหรือเผยแพร่ด้วยประการใด เพื่อรับเด็กหรือยกเด็กให้แก่บุคคลอื่นที่มิใช่ญาติของเด็ก เว้นแต่เป็นการกระทำของทางราชการ หรือได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว
(5) บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็กเร่ร่อน หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน หรือการกระทำผิด หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก
(6) ใช้ จ้าง หรือวานเด็กให้ทำงาน หรือกระทำการอันอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต หรือขัดขวางต่อพัฒนาการของเด็ก
(7) บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กเล่นกีฬา หรือให้กระทำการใด เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้าอันมีลักษณะเป็นการขัดขวางต่อการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก หรือมีลักษณะเป็นการทารุณกรรมต่อเด็ก
(8) ใช้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนันไม่ว่าชนิดใด หรือเข้าไปในสถานที่เล่นการพนัน สถานค้าประเวณี หรือสถานที่ที่ห้ามมิให้เด็กเข้า
(9) บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด
(10) จำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก เว้นแต่การปฏิบัติทางการแพทย์
(11) ห้ามโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
กฎหมายคุ้มครองเด็กมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าวเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หากมีกฎหมายอื่นที่มีโทษหนักกว่าต้องลงโทษตามกฎหมายนั้น เช่น การทารุณเด็กได้รับอันตรายสาหัสหรือตายก็ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งมีโทษจำคุกหกเดือนถึงสิบปี หรือโทษประหารชีวิต แล้วแต่กรณี
และขอทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า กฎหมายยังกำหนดหน้าที่ของผู้พบเห็นหรือประสบพฤติการณ์ที่มีการทำทารุณกรรมต่อเด็กให้รีบแจ้งหรือรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุแล้วพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าตรวจค้นและมีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัวของเด็กเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กได้โดยเร็วที่สุด และกฎหมายก็บัญญัติคุ้มครองผู้แจ้งเหตุที่กระทำโดยสุจริตให้ได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครองแต่อย่างใด
โอ้ย !! วันนี้อากาศร้อนถึง 40 องศ C ใครจะเชื่อค่ะเนื้ย
08:31 |
สวัสดีคร้าาา
คุณแม่คนสวยทั้งหลาย ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้อากาศจะร้อนถึง 40 C. ประเทศไทยเป็นอะไรแล้วค่ะเนื้ย
วันนี้ Good MaMee เลยตัดสินใจไปหาซื้อเสื้อผ้าเด็กสำหรับใส่ลงสระ ก็ชุดว่ายน้ำเด็กนั้นแหละคร้าาาา
คุณแม่พร้อมลงสระแล้วเหลือก็แต่คุณลูกสาวนั้นแหละคะ
ว่าแล้วก็เปิดหาร้านขายเสื้อผ้าเด็กออนไลน์ เป็น Google เพราะง่ายต่อการหาซื้อและราคาก็โออยู่ค่ะเห็นภาพชุดว่ายน้ำเด็กน่ารักน่าัรัก โอ้ย Good MaMee อยากกลับไปเป็นเด็กอีกที เลยเอารูปมาฝากคุณแม่ทั้งหลายคร้าาาา
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
ภาพจาก ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก |
คุณแม่ชักจะไม่ปลื้มคุณลูกแล้วใช่รีเปล่า ( สวยกว่าคุณแม่อีก )
วันนี้ Good Mamee ลาไปก่อนคร้าาาา
ทำได้จริง เทคนิคพาลูกเที่ยวแบบไร้กังวล
08:16 |
คุณพ่อคุณแม่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนัก (ท่อง) เที่ยวตัวยง พอมีเจ้าตัวเล็กกลับกลายเป็นว่า หลายครอบครัวต้องจำกัดการเดินทางลง เหมือนงดกิจกรรมโปรดกลายๆ แต่อันที่จริง อาจไม่จำเป็นต้องถึงกับงดไปเลย แต่ต้องทราบเคล็ดลับในการเตรียมพร้อม วันนี้เราจึงเก็บเคล็ดลับในการไปเที่ยวพร้อมเจ้าตัวเล็กมาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์หรือเครื่องบินก็ไปด้วยกันได้ทุกที่ค่ะ
เมื่อจะพาเจ้าตัวเล็กเที่ยว สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึง คือ การวางแผนล่วงหน้าที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ
เคล็ดลับสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์
เดินทางตอนกลางคืน หากคุณพ่อคุณแม่ยังสายตาดีอยู่ การขับรถกลางคืนก็มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรถไม่ติด อากาศไม่ร้อน แถมยังเป็นเวลานอนของลูก ทำให้ไม่ร้องกวนพ่อแม่นั่นเอง แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็เดินทางตอนกลางวันก็ได้ค่ะ อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าเด็กด้วยน่ะค่ะ
ห้อยของเล่น การห้อยของเล่นไว้กับเพดานรถยนต์ ห่างสักหกนิ้วจากหน้าเขา จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กเพลิดเพลินได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว
พักระหว่างทาง หากเจ้าตัวน้อยหลับ แนะว่าปล่อยให้เขาหลับไปเลย แต่หากตื่นขึ้นมาเมื่อไรในระยะสองถึงสามชั่วโมง แนะนำให้จอดรถพักเพื่อป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเพียงเพื่อสูดอากาศก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้พัก ไม่ต้องขับแบบสะสมความเหนื่อยมากเกินไป
เผื่อเวลาสำหรับเรื่องฉุกเฉิน การออกเดินทางไกล ควรเผื่อเวลาเดินทางเพิ่มสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด สักสองสามชั่วโมง ทำเช่นนี้จะช่วยลดความเครียดระหว่างการเดินทางได้ดีค่ะ
เคล็ดลับสำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน
ไปถึงก่อนเวลา การเผื่อเวลาล่วงหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเจ้าตัวน้อยอาจต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือหิวนมขึ้นมาระหว่างที่คุณต้องรีบไปเช็กอิน จึงควรเผื่อเวลาไม่ให้ต้องกระหืดกระหอบกันเกินไป
ป้อนนมระหว่างเครื่องขึ้น - ลง แรงกดอากาศที่เปลี่ยนไปจะทำให้เด็กๆ เจ็บหูได้ เพื่อช่วยลดอาการดังกล่าวจึงควรป้อนนมลูกระหว่างเครื่องขึ้น-ลง ไม่ว่าจะเป็นการป้อนจากเต้าหรือจากขวด
จองเวลาบินเป็นช่วงที่ลูกมักนอนหลับ หากทำได้ควรเลือกเวลาบินเป็นช่วงที่ลูกนอน จะช่วยให้คุณได้เดินทางอย่างผ่อนคลายมากขึ้น แต่เผื่อใจไว้ด้วยว่าเขาอาจไม่ยอมนอนก็ได้เช่นกัน
นำทุกอย่างไปเผื่อ ถือคติว่าเหลือย่อมดีกว่าขาด บางครั้งเครื่องอาจดีเลย์ จนคุณต้องนั่งคอยที่สนามบินนานเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ฉะนั้น เผื่อผ้าอ้อม นม ขวด เสื้อผ้า ฯลฯ ให้มากไว้ รวมถึงเสื้อผ้าของคุณพ่อคุณแม่ด้วย สำหรับกรณีที่เจ้าตัวเล็กเอาเจียนเลอะเทอะ
อย่าคาดว่าลูกจะต้องสมบูรณ์แบบ คุณพ่อคุณแม่ย่อมเครียดเมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มงอแงระหว่างที่อยู่บนเครื่องบินดังนั้น อาจต้องเตรียมของเล่นเอาไว้ดึงความสนใจ ไม่โมโหกับลูก ถ้าหากลูกไม่ให้ความร่วมมือ หันไปขอโทษคนรอบข้างแล้วผ่อนคลายไว้ คนส่วนใหญ่จะเข้าใจมากกว่าจะรู้สึกหงุดหงิดค่ะ
ไปซื้อชุดว่ายน้ำกันเทอะคุณแม่ค่าาาาา
09:01 |
เข้าช่วงซัมเมอร์ทีไรไม่ต้องแปลกใจที่ใคร ๆ ก็มักจะสรรหา ชุดว่ายน้ำ เก๋ ๆ สวย ๆ มาเตรียมไว้ เผื่อว่าวันไหนว่างหรือมีเวลาจะได้ไปพักผ่อนหย่อนใจกระโดดลงสระเล่นน้ำให้หายร้อน หรือไม่ก็ไปเล่นน้ำชิว ๆ ที่ทะเลสวย ๆ สักที่ก็ไม่มีใครว่า (ก็อากาศมันร้อนซะขนาดนี้)
วันนี้ เราก็ความน่าของเด็ก ๆ ในชุดว่ายน้ำมาให้เหล่าคุณแม่ดูกันน่ะค่าาาา
วันนี้ เราก็ความน่าของเด็ก ๆ ในชุดว่ายน้ำมาให้เหล่าคุณแม่ดูกันน่ะค่าาาา
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ |
เสื้อผ้าเด็ก ชุดว่ายน้ำ แล้วก็ปิดท้ายด้วยชุดว่ายน้ำคุณแม่ อิอิ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)