
อยากให้เว็บร้านปังๆ ทั้งสวยและใช้งานง่ายจนลูกค้าติดหนึบไม่ยอมไปไหนใช่ไหม? วันนี้เราจะมาเจาะลึกเคล็ดลับที่ทำให้เว็บขายดีเป็นเทน้ำเทท่าด้วย UX/UI ที่ไม่ได้มีแค่บริษัทรับทำเว็บไซต์มืออาชีพเท่านั้นที่ต้องรู้!
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวนักธุรกิจออนไลน์ทุกคนค่ะ! เชื่อว่าหลายคนในที่นี้คงเคยเจอปัญหาเดียวกันใช่ไหมคะ? คือทำเว็บออกมาสวยมาก จ้างดีไซเนอร์เก่งๆ มาออกแบบซะอย่างดี แต่ยอดขายกลับไม่กระเตื้องเท่าที่ควร ลูกค้าเข้าเว็บแป๊บเดียวก็ออกแล้ว หรือบางทีก็บ่นว่าใช้งานยากจนท้อใจ
เอ๊ะ! หรือว่าเราลืมอะไรไปรึเปล่า? จริงๆ แล้วเว็บที่ปังๆ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่ได้มีแค่ความสวยงามภายนอกเท่านั้นนะคะ แต่มันคือการใส่ใจ “ประสบการณ์” ของผู้ใช้งาน หรือที่เรียกกันว่า UX/UI ค่ะ เรื่องนี้สำคัญมากจริงๆ นะคะ ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไรและทำไมถึงจำเป็นต่อเว็บของเรา ตามมาเลยค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดทุกขั้นตอนเลย
UX/UI คืออะไร? สองสิ่งที่ไม่ได้เหมือนกัน แต่ขาดไม่ได้เลย
หลายคนอาจจะคุ้นๆ กับสองคำนี้ แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ และบางทีก็เหมารวมกันไปเลยว่ามันคือสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนละส่วนกันนะคะ เปรียบง่ายๆ เหมือน “บ้านสวยๆ” กับ “บ้านที่อยู่แล้วสบาย” ค่ะ
UX หรือ User Experience คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ลองนึกภาพตามนะคะ สมมติว่าเรากำลังสร้างบ้านหลังหนึ่ง UX ก็คือการออกแบบ “ผังบ้าน” และ “ฟังก์ชันการใช้งาน” ทั้งหมด ตั้งแต่การเลือกวางตำแหน่งห้องต่างๆ ให้สะดวกกับการใช้ชีวิตประจำวัน การออกแบบให้มีทางเดินที่กว้างขวาง หรือแม้แต่การติดตั้งปลั๊กไฟในจุดที่ใช้งานจริง การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม ฯลฯ ทุกอย่างที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย เข้าถึงง่าย และใช้งานได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีอะไรติดขัดนั่นแหละค่ะ คือหัวใจของ UX
ในทางกลับกัน UI หรือ User Interface คือ ส่วนที่ตาเรามองเห็นและสัมผัสได้โดยตรงค่ะ ถ้าเทียบกับบ้านก็คือ “การตกแต่ง” นั่นเองค่ะ ตั้งแต่สีสันของผนัง รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ โทนแสงไฟ หรือแม้แต่ลวดลายของกระเบื้องปูพื้น ทุกอย่างที่ทำให้บ้านดูสวยงาม น่าอยู่ และดึงดูดสายตานั่นแหละค่ะ คือหน้าที่ของ UI
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสองสิ่งนี้ต้องทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบนะคะ การมีบ้านที่สวยแต่เดินชนนู่นชนนี่ตลอดเวลา หรือมีบ้านที่ใช้งานสะดวกแต่กลับดูน่าเบื่อก็คงไม่ดีใช่ไหมคะ? เว็บไซต์ก็เช่นกันค่ะ! การออกแบบเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยมต้องมีทั้ง UX ที่ทำให้ลูกค้าใช้งานง่ายและเพลิดเพลิน และ UI ที่สวยงามน่าดึงดูดใจไปพร้อมๆ กัน
ทำไมเว็บขายดีต้องมี UX/UI? เคล็ดลับที่ บริษัทรับทำเว็บไซต์ ส่วนใหญ่ใช้กัน
มาถึงคำถามสำคัญที่ว่า ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้? บอกเลยค่ะว่ามันส่งผลโดยตรงกับยอดขายและภาพลักษณ์ของแบรนด์เราเลยค่ะ
1. สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น (First Impression)
เมื่อลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา สิ่งแรกที่เขาจะเห็นคือ UI ที่สวยงามและน่าดึงดูดใจ การใช้โทนสีที่เหมาะกับแบรนด์ รูปแบบตัวอักษรที่อ่านง่าย และการจัดวางองค์ประกอบที่ดูเป็นระเบียบ จะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น และกระตุ้นให้เขาอยากสำรวจหน้าเว็บต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
2. ทำให้ลูกค้าหาของที่ต้องการเจอได้ง่าย (Ease of Use)
สมมติว่าลูกค้ากำลังมองหาชุดเดรสสีแดง แต่ในเว็บของเราต้องคลิกหลายขั้นตอนกว่าจะเจอ หรือปุ่มกดก็เล็กจิ๋วจนกดผิดกดถูกตลอดเวลา บอกเลยค่ะว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสกดออกจากเว็บของเราไปหาคู่แข่งสูงมาก! แต่ถ้าเรามีการออกแบบ UX ที่ดี ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ภายในไม่กี่คลิก มีตัวกรองสินค้าที่ใช้งานง่าย มีเมนูที่ชัดเจน ทุกอย่างก็จะไหลลื่นจนลูกค้าไม่มีเหตุผลที่จะออกจากเว็บเราไปเลยค่ะ
3. เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อ (Conversion Rate)
เมื่อเว็บใช้งานง่ายและน่าสนใจ ลูกค้าก็จะใช้เวลาในเว็บของเรานานขึ้น และมีโอกาสที่จะเลือกดูสินค้าหลายๆ อย่างมากขึ้นด้วยค่ะ การออกแบบ UX/UI ที่ดีจะช่วยนำทางให้ลูกค้าไปสู่ขั้นตอนการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น การวางปุ่ม “หยิบใส่ตะกร้า” ที่โดดเด่น การทำให้ขั้นตอนการชำระเงินไม่ซับซ้อน หรือแม้แต่การมีคำแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเพิ่มอีก บอกเลยค่ะว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีผลอย่างมากต่อยอดขายของเราเลยนะคะ
4. สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือ (Brand Credibility)
เว็บที่สวยงาม ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดี จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือค่ะ ลูกค้าจะรู้สึกว่าแบรนด์ของเราใส่ใจในทุกรายละเอียด และอยากกลับมาใช้บริการอีกในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้จะทำให้แบรนด์ของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็น บริษัทรับทำเว็บไซต์เอง แต่การเข้าใจเรื่องนี้ก็ทำให้เราสามารถสื่อสารกับผู้พัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ
เรื่องน่ารู้รอบๆ ตัวที่อาจจะดูไม่เกี่ยว แต่สัมพันธ์กันอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากเรื่อง UX/UI ที่เราคุยกันไปแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่จริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่มาช่วยเสริมและเติมเต็มให้เว็บของเราสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นค่ะ
1. จิตวิทยาการตลาดที่ส่งผลต่อการออกแบบเว็บ (Marketing Psychology)
รู้หรือไม่ว่า “สี” ที่เราเลือกใช้ในเว็บไซต์มีผลต่ออารมณ์และการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างมาก! เช่น สีฟ้าให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือและมั่นคง สีเขียวให้ความรู้สึกสดชื่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การใช้ “ตัวเลข” ที่แสดงว่ามีลูกค้าคนอื่นๆ ซื้อสินค้านี้ไปแล้วกี่คนก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากได้ตามได้เช่นกันค่ะ การทำความเข้าใจเรื่องจิตวิทยาการตลาดจะช่วยให้เราออกแบบ UX/UI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
2. การทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่ไม่ได้มีแค่คำหลัก (Keyword) แต่ UX/UI ก็มีผล!
หลายคนอาจจะคิดว่า SEO คือการใส่แต่คำหลักให้เยอะๆ เพื่อให้ Google มาเจอ แต่จริงๆ แล้ว Google ก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ นะคะ และหนึ่งในปัจจัยที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ก็คือ “ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน” ค่ะ เว็บไซต์ที่มี UX/UI ที่ดี ใช้งานง่าย โหลดเร็ว และลูกค้าใช้เวลาในเว็บนานๆ จะมีโอกาสถูกจัดอันดับให้สูงขึ้นในหน้าผลการค้นหาด้วยค่ะ ดังนั้นการลงทุนใน UX/UI ก็เท่ากับการลงทุนใน SEO ไปในตัวด้วยนะคะ
3. ทำเว็บไซต์บนมือถือให้ดีเท่ากับบนคอมพิวเตอร์ (Mobile-First Design)
ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เข้าถึงเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือกันมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ดังนั้นการออกแบบเว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลบนมือถือได้อย่างสวยงามและใช้งานง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เลยค่ะ บางครั้งการออกแบบสำหรับคอมพิวเตอร์อาจจะดูดี แต่พอไปอยู่บนมือถือกลับใช้งานยากและดูไม่สวยงามไปเลย ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำ “Responsive Design” หรือการออกแบบที่ปรับการแสดงผลได้อัตโนมัติให้เข้ากับทุกขนาดหน้าจอนั่นเองค่ะ
ถึงเวลาแล้ว! ที่จะเริ่มลงทุนกับ UX/UI สำหรับเว็บของคุณ
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คงจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะว่า UX/UI ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่คือเรื่องของ “กลยุทธ์ทางธุรกิจ” ที่จะช่วยให้เว็บของเราเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
หากใครที่กำลังมองหาทางปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ลองเริ่มต้นจากการสำรวจฟีดแบ็คจากลูกค้าดูก่อนก็ได้นะคะ ว่าเขามีปัญหาในการใช้งานตรงไหนบ้าง หรือถ้าอยากได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูแลก็สามารถปรึกษาบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่เชี่ยวชาญด้าน UX/UI โดยเฉพาะได้เลยค่ะ รับรองว่าการลงทุนในส่วนนี้คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้มาอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ อยากจะฝากไว้ว่า “เว็บที่สวยอาจจะดึงดูดลูกค้าได้ แต่เว็บที่ใช้งานง่ายต่างหากที่จะรั้งลูกค้าไว้กับเราได้ตลอดไป” นะคะ





